การผลิตพืชอินทรีย์ เป็นระบบการผลิตพืชที่พื้นที่ที่ใช้ในการผลิตนั้นไม่มีสารพิษตกค้าง ไม่มีการใช้ปัจจัยการผลิตจากสารเคมีสังเคราะห์ พันธุ์พืชตัดแต่งพันธุกรรม เน้นการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีการใช้วัสดุที่ได้จากธรรมชาติหมุนเวียนในไร่นา รวมถึงการนำภูมิปัญญาชาวบ้านมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ความต้องการสินค้าเกษตรอินทรีย์ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นโอกาสดีต่อประเทศไทย เพราะว่ายังมีการใช้ปัจจัยการผลิตที่เป็นสารเคมี ทั้งปุ๋ยเคมีหรือสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชอยู่ในอัตราต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ทำให้มีศักยภาพในการผลิตพืชอินทรีย์ (สมคิด, 2548) แต่การขยายตัวของเกษตรอินทรีย์ของประเทศไทยเป็นไปค่อนข้างช้ามาก เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆ ที่เป็นผู้นำการเกษตรที่ใช้สารเคมีการเกษตรแต่ขณะนี้ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นการเกษตรอินทรีย์ที่ก้าวหน้า เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ยุโรป และออสเตรเลีย ฯลฯ ทั้งๆ ที่ประเทศดังกล่าวน่าจะมีปัจจัยที่ทำให้เกิดแรงเสียดทาน และต่อต้านการพัฒนาเกษตรอินทรีย์มากกว่าประเทศไทย เนื่องจากมีบริษัทที่ผลิตสารเคมีการเกษตร ซึ่งมีผลประโยชน์มากมายอยู่ในประเทศต่างๆ ดังกล่าว สาเหตุที่เกษตรอินทรีย์ในประเทศไทยพัฒนาไปได้ช้ามาก ส่วนหนึ่งเกิดจากตัวเกษตรกรเองที่เคยชินกับการใช้สารเคมีทางการเกษตร ด้วยเกรงว่าหากจะผลิตแล้วผลผลิตอาจจะลดลงส่งผลให้รายได้ลดลง รวมทั้งการค้นคว้าวิจัยการเกษตรของประเทศไทยที่ผ่านมา ตกอยู่ภายใต้การครอบงำของเทคโนโลยีการเกษตรแบบแยกส่วน เน้นการเพิ่มผลผลิตแบบใช้ปัจจัยที่ได้จากการผลิตที่เป็นสารเคมีสังเคราะห์ (ชนวน, มมป.) เนื่องจากการปรับเปลี่ยนสู่ระบบอินทรีย์ในระยะแรก ผลผลิตของพืชจะลดลง การทดลองนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิธีการเขตกรรม โดยศึกษาระยะปลูก และการจัดการต้นเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพในการผลิตแตงกวาอินทรีย์ ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการเพิ่มผลผลิตของพืชได้ โดยทำการทดลองที่ศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษก่อน หลังจากนั้นนำผลการทดลองที่ได้ผลดีไปทดสอบในไร่เกษตรกรที่มีการผลิตพืชในระบบอินทรีย์ โดยใช้วิธีการผลิตแตงกวาอินทรีย์ของเกษตรกรเป็นวิธีการเปรียบเทียบ เพื่อทดสอบหาวิธีที่เหมาะสม และจะได้นำเทคโนโลยีที่ได้รับไปถ่ายทอดสู่เกษตรกรผู้สนใจต่อไป
การผลิตแตงกวาอินทรีย์ โดยใช้เมล็ดพันธุ์แตงกวาลูกผสม ทำการทดลอง 2 ฤดูกาล คือ ในฤดูหนาวและฤดูฝน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2549 - กันยายน 2552 ระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี
ทำการทดลองที่ศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ ปี 2549 - 2550 ประกอบด้วยวิธีการต่างๆ ดังต่อไปนี้
วิธีที่ 1 คลุมแปลง+ระยะปลูก 0.3x0.8 ม.+2 ต้น/หลุม
วิธีที่ 2 คลุมแปลง+ระยะปลูก 0.3x0.8 ม.+1 ต้น/หลุม
วิธีที่ 3 คลุมแปลง+ระยะปลูก 0.5x0.8 ม.+2 ต้น/หลุม
วิธีที่ 4 คลุมแปลง+ระยะปลูก 0.5x0.8 ม.+1 ต้น/หลุม
วิธีที่ 5 ไม่คลุมแปลง+ระยะปลูก 0.3x0.8 ม.+2 ต้น/หลุม
วิธีที่ 6 ไม่คลุมแปลง+ระยะปลูก 0.3x0.8 ม.+1 ต้น/หลุม
วิธีที่ 7 ไม่คลุมแปลง+ระยะปลูก 0.5x0.8 ม.+2 ต้น/หลุม
วิธีที่ 8 ไม่คลุมแปลง+ระยะปลูก 0.5x0.8 ม.+1 ต้น/หลุม
ทำการทดลองที่ไร่เกษตรกร จังหวัดศรีสะเกษ ปี 2551 – 2552 ประกอบด้วยวิธีการ ดังนี้
วิธีที่ 1 คลุมแปลง ระยะปลูก 0.30 x 0.80 เมตร (ระยะต้น x ระยะแถว) ปลูก 2 ต้นต่อหลุม เป็นวิธีแนะนำ
วิธีที่ 2 คลุมแปลง ระยะปลูก 0.50 x 0.75 เมตร ปลูก 3 ต้นต่อหลุม เป็นวิธีเปรียบเทียบ
การปลูก จะปลูกแถวคู่ แบบหยอดเมล็ดในแปลง และไม่ทำค้าง
การเตรียมแปลงปลูก ใช้วัสดุปรับปรุงบำรุงดิน ได้แก่
& ปุ๋ยมูลไก่ไข่ อัตรา 2 ตัน/ไร่ * พื้นที่แปลงขนาด 1x 10 เมตร ใช้ 12.5 กก.
& ปุ๋ยมูลค้างคาว อัตรา 100 กก./ไร่
& ปูนโดโลไมท์ อัตรา 200 กก./ไร่
& หินภูเขาไฟ อัตรา 20 กก./ไร่
& เชื้อไตรโคเดอร์มา อัตรา 50 กรัม/หลุม
หลังปลูก 1 เดือน ใส่
& ปุ๋ยมูลไก่ไข่ อัตรา 1 ตัน/ไร่
การป้องกันกำจัดโรคและแมลง
- พ่นเชื้อบาซิลลัส ซับติลิส เพื่อป้องกันโรคทางใบ
- พ่นเชื้อบาซิลลัส ทูริงเยนซิส เมื่อพบการระบาดของหนอน
ตารางแสดงผลผลิต (ตัน/ไร่) แตงกวาอินทรีย์ที่ได้มาตรฐาน ที่ศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ
วิธี | ปี 2549 | ปี 2550 | ผลผลิตเฉลี่ย 2 ปี | |||
ฤดูฝน | ฤดูหนาว | ฤดูฝน | ฤดูหนาว | ฤดูฝน | ฤดูหนาว | |
วิธี 1 | 6.67 | 5.03 ab | 10.20 | | 8.43 | |
วิธี 2 | 5.81 | | 9.55 | 8.50 abc | 7.68 | |
วิธี 3 | 5.44 | 4.30 abc | 8.89 | 9.55 ab | 7.17 | |
วิธี 4 | 6.02 | 3.30 bcd | 9.94 | 6.32 cd | 7.98 | 4.81 b |
วิธี 5 | 5.33 | 3.50 bcd | 8.10 | 5.34 cd | 6.17 | 4.55 b |
วิธี 6 | 4.96 | 1.67 d | 7.62 | 5.44 cd | 6.29 | 3.63 b |
วิธี 7 | 5.13 | 2.80 cd | 8.72 | 4.42 d | 6.94 | 3.61 b |
วิธี 8 | 5.60 | 2.94 cd | 10.87 | 6.86 bcd | 8.23 | 4.90 b |
เฉลี่ย | 5.619 | 3.616 | 9.24 | 7.12 | 7.43 | 5.37 |
F test | ns | ** | ns | ** | ns | ** |
CV % | 18.00 | 26.50 | 17.20 | 21.50 | 14.8 | 16.9 |
ตัวอักษรที่แตกต่างกันในแต่ละคอลัมน์ แสดงความแตกต่างทางสถิติ โดยวิธี
ตารางแสดงผลผลิต (ตัน/ไร่) แตงกวาอินทรีย์ในฤดูหนาวที่ไร่เกษตรกร
ผลการทดลอง | ปี 2551 | ปี 2552 | ||
วิธี แนะนำ | วิธี เกษตรกร | วิธี แนะนำ | วิธี เกษตรกร | |
ความกว้างของผล(ซม.) | 3.40 | 3.39 | 3.23 | 3.25 |
ความยาวของผล(ซม.) | 10.92 | 11.09 | 10.03 | 10.09 |
น้ำหนักของผล(กรัม) | 91.89 | 91.52 | 69.43 | 70.73 |
น้ำหนักผลผลิต(ตัน/ไร่) | 7.84 | 8.48 | 6.59 | 6.42 |
น้ำหนักผลที่ตกเกรด(ตัน) | 2.49 | 2.13 | 0.33 | 0.25 |
น้ำหนักผลที่ได้มาตรฐาน(ตัน) | 5.35 | 6.39 | 6.26 | 6.18 |
ตารางแสดงผลผลิต (ตัน/ไร่) แตงกวาอินทรีย์ในฤดูฝนที่ไร่เกษตรกร
ผลการทดลอง | ปี 2551 | ปี 2552 | ||
วิธี แนะนำ | วิธี เกษตรกร | วิธี แนะนำ | วิธี เกษตรกร | |
ความกว้างของผล(ซม.) | 3.29 | 3.26 | 3.53 | 3.53 |
ความยาวของผล(ซม.) | 9.91 | 9.48 | 9.77 | 9.81 |
น้ำหนักของผล(กรัม) | 70.55 | 67.43 | 75.74 | 72.1 |
น้ำหนักผลผลิต(ตัน/ไร่) | 8.34 | 6.53 | 11.05 | 10.6 |
น้ำหนักผลที่ตกเกรด(ตัน) | 0.31 | 0.36 | 0.92 | 0.97 |
น้ำหนักผลที่ได้มาตรฐาน(ตัน) | 8.03 | 6.16 | 10.14 | 9.62 |
สรุปผลการทดลองการปลูกแตงกวาอินทรีย์
การคลุมแปลงด้วยฟางข้าว ให้ผลผลิตรวมทั้งหมดของแตงกวาสูงกว่าการไม่คลุมแปลงสถิติ และให้ผลผลิตที่ได้มาตรฐานสูงกว่าการไม่คลุมแปลง การคลุมแปลงด้วยฟางข้าวโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว จะช่วยรักษาความชื้นในดินได้เป็นอย่างดี ส่วนในฤดูฝนการคลุมแปลงและไม่คลุมแปลงให้ผลผลิตแตงกวาไม่แตกต่าง แต่มีแนวโน้มว่า การคลุมแปลงให้ผลผลิตสูงกว่าไม่คลุมแปลงตามค่าเฉลี่ย ดังนั้น การปลูกแตงกวาอินทรีย์ในช่วงฤดูฝน ไม่มีความจำเป็นต้องคลุมแปลงปลูก เพื่อลดต้นทุนการผลิต ทั้งค่าฟางข้าวและแรงงาน
จำนวนต้นต่อหลุม ในฤดูหนาว ระยะปลูกที่เท่ากัน การปลูก 2 ต้นต่อหลุม ให้ผลผลิตสูงกว่าการปลูก 1 ต้นต่อหลุม สำหรับในช่วงฤดูฝน จำนวนต้นต่อหลุมไม่มีผลต่อผลผลิตของแตงกวา ดังนั้น การปลูกแตงกวาอินทรีย์ในช่วงฤดูฝน สามารถลดจำนวนต้นต่อหลุม เพื่อลดต้นทุนการผลิตของค่าเมล็ดพันธุ์
ระยะปลูก พบว่า ในจำนวนต้นที่เท่ากัน ทั้งคลุมแปลงและไม่คลุมแปลง และในทุกช่วงฤดูกาลผลิต การปลูกระยะระหว่างต้น 0.3 เมตร ให้ผลผลิตสูงกว่า ระยะระหว่างต้น 0.5 เมตร
การผลิตแตงกวาอินทรีย์ในไร่เกษตรกร ในฤดูหนาว ถ้าเกษตรกรไม่สามารถดูแลรักษาแปลง โดยเฉพาะการให้น้ำเพื่อรักษาความชื้นในดินได้เพียงพอ การปลูกแตงกวาในระยะชิดอาจไม่เหมาะสม แต่การปลูกวิธีแนะนำ โดยใช้ระยะปลูก 0.30 x 0.80 เมตร และปลูก 2 ต้นต่อหลุม มีแนวโน้มให้ผลผลิตสูง ให้รายได้และผลตอบแทนต่อปีสูงที่สุด ในการผลิตแตงกวาอินทรีย์ ดินจะมีความอุดมสมบูรณ์เพิ่มขึ้น มีปริมาณอินทรียวัตถุในดิน ปริมาณธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์ ได้แก่ เปอร์เซ็นต์ไนโตรเจน เปอร์เซ็นต์โพแทสเซียมในรูปที่เป็นประโยชน์ และเปอร์เซ็นต์ฟอสฟอรัสในรูปที่เป็นประโยชน์เพิ่มขึ้น
ศึกษาการผลิตแตงกวาอินทรีย์ : กรณีศึกษาที่ศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ ลงเผยแพร่ในวารสารวิทยาศาสตร์เกษตร http://www.crdc.kmutt.ac.th/Data%202010/J.%20CRDC4/CRDC%204/PDF/357-360.pdfศึกษาการผลิตแตงกวาอินทรีย์ : กรณีศึกษาที่แปลงเกษตรกรจังหวัดศรีสะเกษ ลงเผยแพร่ในวารสารวิทยาศาสตร์เกษตร http://www.crdc.kmutt.ac.th/Data%202010/J.%20CRDC4/CRDC%204/PDF/353-356.pdf
จิรภา ออสติน
นักวิชาการเกษตรชำนาญการ
ผู้เขียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น